“ไก่ กับ ไข่ อะไรเกิดก่อนกัน?” ปัญหาที่หาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้สักที และปัญหาที่ไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่กลับถูกยกมาตั้งเป็นหัวข้อปัญหาให้ถกเถียงกันมาได้ทุกยุคทุกสมัย
ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนมีอดีต ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ หรือ สิ่งของ ซึ่งอดีตบางอย่าง มันก็ยากที่จะทำการค้นคว้าเพื่อหาคำตอบที่เป๊ะๆได้ ต้องใช้การคาดเดา หรือความน่าจะเป็น ซึ่งก็ใช่ว่าจะถูกต้อง 100% เพียงแต่หลายสิ่งอย่างที่ใช้หลักความน่าจะเป็นไปได้มากที่สุดนั้น นำมาเป็นคำตอบชั่วคราว เพื่อตั้งไว้สำหรับในการค้นหาต่อไปให้ถูกต้องแบบที่ใครก็ค้านก็ไม่ได้ แต่…ก็มีอีกนั่นแหล่ะ ที่คำตอบที่ได้ตรงนั้น มันก็ยังคงอยู่อย่างนั้น โดยไม่มีใครนำไปศึกษา ค้นหาความจริงต่อ เพียงเพราะในโลกนี้มีอีกหลายอย่างให้ค้นหา เพื่อต่อยอดในการก้าวไปสู่อนาคต จนบางครั้งก็หลงลืมความเป็นอดีตของตัวตนแท้จริงในสิ่งนั้น หรือแม้แต่ตัวตนในตัวบุคคล แล้วคุณล่ะ เคยลืมตัวตนกันบ้างหรือเปล่า?
บทความนี้ไม่ได้จะกล่าวถึงความเป็นวิชาการ หรือปรัชญาชีวิต และไม่ได้จะดราม่า ที่กลุ่มคนบางสังคมในยุคปัจจุบันมักจะอะไรก็..ดราม่า ไว้ก่อน ทั้งที่แท้จริงแล้ว คนไทยแท้ในอดีต มีพื้นฐานแห่งความเมตตา โอบอ้อมอารี ไปลามาไหว้ รู้จักให้การเคารพผู้ใหญ่ ให้เกียรติผู้คน และสถานที่ แม้จะมีบ้าง ที่ชอบใส่ใคร้ใส่ความ (ไม่เช่นนั้นคงไม่มีคำว่า ใส่ใคร้ในคำไทย) เป็นธรรมดาที่จะมีสีขาว และ สีดำ แต่ก็นับว่าไม่มากนัก และยังคงอยู่บนพื้นฐานแห่งการให้อภัย ความอ่อนโยนอันเป็นนิสัยหลักของคนไทย รวมไปถึง “ยิ้มสยาม” ที่สร้างความประทับใจให้กับชาวต่างชาติมานักต่อนัก
แล้วถ้าอย่างนั้นบทความนี้เน้นสาระเรื่องอะไร คนอ่านจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง?
เหมือนเป็นการมาพูดคุย และอยากให้ลองนึกย้อนตาม ตรองแล้วมีความคิดเห็นอย่างไร เหมือนกับคนเขียนบ้างหรือเปล่า ลองอ่านเล่นๆยามว่าง อ่านระหว่างรอรถ รอเพื่อน หรืออ่านสาระประโยชน์มาเยอะแล้ว ลองเปลี่ยนอ่านอะไรที่ไม่ต้องเอาสาระอะไรบ้างก็ได้
วกกลับมาที่เรื่อง ไก่ กับ ไข่ หรือเรื่อง อดีต ดีล่ะ?
ว่ากันตามตรง สารภพาอย่างจริงใจ เรื่อง ไก่ กับ ไข่ เราไม่มีความคิดเห็นจริงๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นไก่หรือไข่ ทั้งสองอย่างนี้มีอดีตทั้งสิ้น เพราะถ้าหากไม่มีไข่ ก็ไม่มีไก่ และถ้าไม่มีไก่ ก็คงไม่มีไข่อีกนั่นล่ะ ถามว่าได้คำตอบชัดเจน 100% ไหม สำหรับเรานั้นขอตอบว่า ไม่! แล้วคุณล่ะมีคำตอบที่ถูกต้องจริงๆไหม? แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้คิดจากเรื่องนี้คือ มันวนลูปอยู่อย่างนั้น และสิ่งนั้นนั่นเอง คือ วงจร หรือ วัฐจักรชีวิต
เช่นกัน ขณะที่เรากำลังพิมพ์บทความ หรือคุณกำลังอ่านบทความนี้อยู่ในตอนนี้ ก็ได้มีอดีตที่เพิ่งผ่านไปแล้วเมื่อวินาทีที่ผ่านมา ที่คุณอาจกำลังไถหน้าจอมือถือ เพราะไม่รู้จะทำอะไรดี หรือจะหาอะไรอ่านดี อดีตได้ผ่านไปแล้ว ซึ่งถ้าไม่มีอดีตที่คุณเข้ามาไสลด์หน้าจอมือถือ หรือเลื่อนเม้าท์หน้าจอคอมฯ ก็คงไม่มีปัจจุบันที่คุณ (หลงกล) เข้ามาอ่านบทความนี้ แล้วอนาคตล่ะ? อนาคต คือ คุณอาจเลื่อนหนีออกไป หรืออาจจะอ่านจนจบ เพื่อจะได้รู้ว่า เราจะมีอะไรให้คุณได้อ่านอีก เห็นได้ชัดว่า เพียงแค่บทความบทหนึ่ง ก็ทำให้เกิดขึ้นได้ครบทั้ง อดีต ปัจจุบัน อนาคต
แล้วทำไมหลายๆคนถึงมักจะคิดถึงอนาคตที่มันไกลออก ที่ไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไร มากกว่าจะเล็งเห็นความสำคัญของเวลา “ปัจจุบัน” อย่างเช่น ที่คุณกำลังอ่านมาถึง ณ ตัวอักษร ตัว ว.
และตอนนี้ คุณคิดว่า ลมหายใจ ของคุณ ยังมีอยู่ไหม? หลายคนอาจพูดว่า ถามมาได้ ไม่หายใจจะมานั่งอ่านได้ยังไง ใช่ไหมล่ะ? นั่นสินะ เพราะเรายังมีลมหายใจ อากาศที่เรานำเข้าสู่ร่างกาย เพื่อต่อชีวิตไปในแต่ละเสี้ยววินาที คุณเคยสังเกตไหมว่า มันไม่ได้ง่ายเลยนะ ที่เราจะกลั้นหายใจเพื่อให้หลุดพ้นสภาพจากการมีชีวิตอยู่ ถ้าคุณคิดอยากจะทดสอบ เราขอเตือนก่อนว่า เมื่อถึงเวลาหนึ่ง ที่คุณทนไม่ไหว แต่คุณก็ดื้อที่จะทำให้ได้ และเมื่อกลไกของร่างกายขาดออกซิเจนไปช่วงระยะหนึ่ง มีความเป็นไปได้ว่า ร่างกายของคุณอาจจะเกิดความผิดปกติ ที่อาจส่งผลต่อชีวิตในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นความผิดปกติของสมอง มีความพิการ ไม่สามารถดำเนินชีวิตได้เหมือนคนปกติทั่วไป สร้างความลำบากให้กับตนเอง และสร้างภาระให้กับครอบครัว ที่เขาไม่ควรต้องมาแบกรับเพราะการกระทำที่ไม่ได้ไตร่ตรองของคุณ
อย่างที่เกริ่นไปแล้วแต่ต้นว่าทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนมีอดีต ไม่เว้นแม้แต่สิ่งของ อย่างมือถือที่คุณกำลังใช้งานอยู่ตอนนี้ ก่อนจะมาเป็นโทรศัพท์มือถือให้คุณได้ใช้งานสารพัดประโยชน์ และเป็นส่วนสำคัญในชีวิต ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็น ปัจจัยที่ห้าของชีวิตของคนยุคนี้ไปแล้วนั้น มันก็เคยเป็นเพียงแค่เศษเหล็ก เศษชิ้นส่วนเล็กๆ ที่อาจเคยไร้ค่า แต่เมื่อมันได้ถูกนำมาประกอบรวมกัน เกิดการพัฒนาและเสริมเติมแต่ง จนสามารถใช้งานได้ มีประโยชน์ และมีค่ากับใครๆหลายคน ขนาดเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นที่มีอดีตที่มาแทบจะไม่มีค่า กลับกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนไขว่คว้าต้องการ และอยากจะครอบครอง แล้วอดีตของคน ทำไมจะเป็นแรงผลักดัน และช่วยเสริมให้เป็นปัจจุบันที่ดีกว่าไม่ได้?
เพราะเราทุกคนมีอดีต พวกเราจึงมีปัจจุบัน และมันก็จะเป็นอีกก้าวต่อไปในอนาคต แม้ว่าใครๆมักจะชอบยัดเยียดให้คิดถึงเรื่องอนาคต แต่เราจะผิดไหม ว่าจะขอย้ำที่จะโฟกัส ปัจจุบัน อย่างเช่นที่คุณกำลังอ่านบทความนี้อยู่ เป็นต้น มากกว่าที่จะไปคำนึงถึงอนาคตมากเกินไป และถึงแม้ อดีต คือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว และเราก็ไม่สามารถจะย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่คุณคิดเห็นอย่างไร ที่มีคนพูดว่าให้ลืมอดีตซะ!!
อดีตที่เลวร้าย แม้มันจะเป็นสิ่งที่อาจสร้างบาดแผลให้กับใคร แต่ความเป็นจริงเราก็ลบอดีตไม่ได้อยู่ดี เพราะการที่ไม่มีอดีต ก็คือการไม่มีตัวตน หากคุณต้องการจะลบอดีต นั่นก็เท่ากับคุณไม่มีตัวตน จะดีกว่าไหม หากจะให้ความโหดร้ายของอดีต เป็นแรงผลักให้คุณทำตัวเองให้มีค่าขึ้น เหมือนกับโทรศัพท์มือถือสักเครื่อง เพราะมือถือไม่ว่าจะเป็นรุ่นเก่า หรือรุ่นล่าสุด ยังไงก็ยังมีคนต้องการอยู่ดี ไม่เชื่อคุณลองเดินไปศูนย์ไอที และแหล่งจำหน่ายโทรศัพท์สิ มีให้เลือกตั้งแต่รุ่นเก่ากึก ไปจนถึงรุ่นที่อัพเกรดล่าสุด หากมือถือรุ่นเก่าๆ ไม่เป็นที่ต้องการ ร้านค้าก็คงไม่วางจำหน่ายให้เกะกะพื้นที่หรอก จริงไหม?
ดังนั้น…ไก่ กับ ไข่ ไมว่าจะอะไรที่เกิดก่อนกัน คำตอบก็ไม่ใช่จะถูกต้องเสมอไป แล้วการที่คุณจะมีอดีตเป็นอย่างไร มันก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่เจอสิ่งที่ดีกว่าในอนาคต โดยไม่จำเป็นต้องลืม แค่เปลี่ยนให้เป็นพลัง ส่วนอนาคต ก็ไม่เห็นจะต้องนำมากดดันตัวเองจนต้องหาคำตอบให้ได้ และไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยใด อาชีพใด เพศใด แค่คุณเห็นค่าตัวเองในปัจจุบัน และทำให้เต็มที่ เพื่อให้เป็นโทรศัพท์มือถือรุ่นลิมิเต็ดในแบบฉบับของคุณ และท้ายบทความนี้ก็กำลังจะเป็นอดีตในอีก 5 4 3 2 1 …..