ทำไมฉันถึงฟันเหลืองทั้งๆที่ก็ไม่ได้สูบบุหรี่? ฟื้นฟูและการดูแลฟัน?

T

คุณเคยส่องกระจกแล้วสงสัยไหมว่า “ทำไมฟันเรายังเหลือง ทั้งที่แปรงฟันทุกวันแม้จะดูแลสุขภาพช่องปากอย่างดี ใช้ยาสีฟันที่โฆษณาว่าฟอกฟันขาว แต่ฟันก็ยังไม่สดใสอย่างที่หวังไว้ 

บางคนถึงกับกังวลว่านี่คือสัญญาณของปัญหาสุขภาพ หรือว่าเราทำอะไรผิดพลาด?ความจริงคือ ฟันเหลืองอาจไม่ได้หมายถึงว่าคุณดูแลไม่ดี 

บางกรณีถือเป็นเรื่อง “ธรรมชาติ” ของร่างกายด้วยซ้ำ บทความนี้จะพาคุณเข้าใจว่า ฟันเหลืองแบบไหนถือว่าปกติ อะไรคือสาเหตุหลักที่ทำให้ฟันดูไม่ขาว? 

ฟันสามารถขาวขึ้นได้แค่จากการแปรงฟันหรือไม่ และมีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยให้รอยยิ้มของคุณดูสดใสขึ้นอย่างปลอดภัย

ฟันเหลืองทั้งที่แปรงฟันเป็นประจำ ถือว่าปกติไหม?

การแปรงฟันเป็นประจำถือเป็นพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพช่องปาก แต่หลายคนอาจรู้สึกผิดหวังเมื่อพบว่าฟันยังคงมีสีเหลือง แม้จะแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ วันละสองครั้ง และเลือกใช้ยาสีฟันที่โฆษณาว่าช่วยให้ฟันขาวขึ้น นี่ทำให้เกิดคำถามว่า “ฟันเหลืองทั้งที่แปรงฟันเป็นประจำ ถือว่าผิดปกติไหม?” หรือจริง ๆ แล้ว “ฟันเหลืองคือเรื่องปกติ?”

ในบทความนี้ เราจะมาอธิบายเกี่ยวกับสาเหตุของฟันเหลือง ความปกติของมัน ความเป็นไปได้ในการฟื้นฟูสีฟันให้ขาวขึ้น และประสิทธิภาพของการแปรงฟันต่อการทำให้ฟันขาว

ฟันเหลืองถือว่าปกติไหม?

คำตอบคือ ใช่ “ฟันเหลือง” ในหลายกรณีถือเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากฟันเหลืองเกิดจากโครงสร้างตามธรรมชาติของฟัน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคราบหรือปัญหาสุขภาพช่องปาก เช่น

1. โครงสร้างของฟันตามธรรมชาติ

ฟันของมนุษย์ประกอบด้วยหลายชั้น ได้แก่ เคลือบฟัน (enamel) และเนื้อฟัน (dentin) เคลือบฟันเป็นชั้นนอกสุด มีลักษณะใสหรือขาวขุ่น ส่วนชั้นเนื้อฟันมีสีออกเหลืองเล็กน้อย หากเคลือบฟันของคนเราบางหรือโปร่งแสงมาก ก็อาจทำให้สีเหลืองของชั้นเนื้อฟันปรากฏออกมาได้ง่าย ซึ่งไม่ได้แปลว่าฟันสกปรกหรือดูแลไม่ดี

พันธุกรรม

บางคนมีสีฟันเหลืองตั้งแต่เด็ก ซึ่งมาจากพันธุกรรมหรือกรรมพันธุ์ที่ส่งผลต่อความหนาและความโปร่งแสงของชั้นเคลือบฟัน ในกรณีนี้ สีของฟันอาจมีความเข้มของสีที่ต่างจากคนอื่น ๆ 

โดยไม่เกี่ยวข้องกับการดูแลช่องปากที่ไม่ดี การที่ฟันมีสีเหลืองตามธรรมชาตินั้นไม่สามารถป้องกันหรือเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการแปรงฟันเท่านั้น แต่สามารถปรับปรุงได้ด้วยการดูแลช่องปากและการใช้วิธีฟอกฟันขาวตามคำแนะนำจากทันตแพทย์

อายุที่เพิ่มขึ้น

เมื่อเราอายุมากขึ้น ชั้นเคลือบฟันจะสึกกร่อนลงเรื่อย ๆ ส่งผลให้สีของเนื้อฟันปรากฏชัดขึ้น ทำให้ฟันดูเหลืองกว่าตอนเด็ก แม้จะรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอก็ตาม 

นอกจากนี้ การสะสมของคราบจากอาหารและเครื่องดื่มต่าง ๆ ในช่วงอายุมากขึ้นก็อาจทำให้ฟันดูหมองคล้ำได้ แม้ว่าจะมีการแปรงฟันและดูแลช่องปากอย่างดี ฟันที่ถูกกระทบจากอายุจึงอาจต้องการการฟอกสีเพื่อให้กลับมาขาวสดใสขึ้น

สาเหตุอื่นที่ทำให้ฟันเหลือง

หากคุณแปรงฟันอย่างถูกวิธีแล้วแต่ฟันยังเหลืองอยู่ อาจมาจากสาเหตุอื่น ๆ ที่การแปรงฟันอาจไม่สามารถขจัดได้ทั้งหมด เช่น การสะสมของคราบหินปูนหรือคราบจากอาหารที่แปรงฟัน

ไม่สามารถทำความสะอาดได้อย่างหมดจด รวมถึงการใช้ยาบางชนิดหรือการสูบบุหรี่ที่สามารถทิ้งคราบฝังลึกในเนื้อฟัน ซึ่งการแปรงฟันอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการขจัดสิ่งเหล่านี้ออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น:

1. คราบจากอาหารและเครื่องดื่ม

ชา กาแฟ น้ำอัดลม ไวน์แดง และซอสเข้มข้น ล้วนมีสารที่เรียกว่า tannin หรือเม็ดสีเข้ม ที่สามารถเกาะติดเคลือบฟันได้ แม้จะแปรงฟันทุกวัน แต่คราบเหล่านี้อาจฝังแน่นขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

2. การสูบบุหรี่หรือสูบใบจาก

สารนิโคตินและน้ำมันดินจากบุหรี่สามารถทิ้งคราบสีเหลืองหรือสีน้ำตาลบนฟันได้อย่างถาวร

3. การใช้ยาบางชนิด

เช่น ยาปฏิชีวนะเตตราไซคลีน (tetracycline) ที่หากใช้ระหว่างเด็กหรือหญิงตั้งครรภ์ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสีฟันในระยะยาว

4. การดูแลช่องปากที่ไม่ครบวงจร

การแปรงฟันเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ควรใช้ไหมขัดฟัน และบ้วนปากด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อขจัดคราบในซอกฟันและลิ้นด้วย

ฟันเหลืองสามารถกลับมาขาวได้ไหม?

คำตอบคือ ฟันสามารถขาวขึ้นได้ในระดับหนึ่ง ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการเปลี่ยนสี หากฟันเหลืองเกิดจากคราบภายนอก เช่น จากอาหารหรือเครื่องดื่มอย่างชา กาแฟ หรือการสูบบุหรี่ 

การฟอกสีฟันหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกฟันขาว การช่วยทำให้ฟันขาวขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม หากฟันเหลืองเกิดจากปัจจัยภายใน เช่น โครงสร้างฟันโดยธรรมชาติหรือพันธุกรรม การฟื้นฟูสีฟันอาจทำได้จำกัด และอาจต้องใช้วิธีอื่น เช่น การครอบฟันหรือการเคลือบฟัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ขาวชัดเจนมากขึ้น

กรณีฟันเหลืองจากคราบอาหารหรือพฤติกรรม

สามารถฟื้นฟูได้ง่ายกว่าฟันเหลืองจากโครงสร้าง โดยวิธีที่นิยมใช้ ได้แก่:

  • การทำฟอกสีฟัน (Teeth Whitening) ที่คลินิกทันตกรรม
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกฟันขาว เช่น แผ่นฟอกฟัน เจล หรือยาสีฟันผสมสารไวท์เทนนิ่ง
  • ขัดฟันโดยทันตแพทย์ เพื่อขจัดคราบหินปูนหรือคราบสะสม

กรณีฟันเหลืองจากโครงสร้างหรือกรรมพันธุ์

การทำให้ฟันขาวขึ้นอาจทำได้ยากหรือจำกัดในระดับหนึ่ง หากต้องการความขาวในระดับสูง อาจต้องใช้วิธีที่เข้มข้น เช่น:

  • การเคลือบผิวฟัน (Veneers)
  • การครอบฟัน (Crown) สำหรับฟันที่มีปัญหาโครงสร้าง

ฟันสามารถขาวขึ้นได้แค่จากการแปรงฟันหรือไม่?

การแปรงฟันเป็นสิ่งจำเป็นต่อการรักษาความสะอาดของฟันและป้องกันฟันเหลือง แต่หากพูดถึง “การทำให้ฟันขาวขึ้น” อย่างเห็นได้ชัดเพียงด้วยการแปรงฟันนั้น อาจต้องเข้าใจข้อจำกัดต่อไปนี้:

1. ยาสีฟันทั่วไปช่วยลดคราบ แต่ไม่ได้ฟอกสี

ยาสีฟันส่วนมากช่วยขจัดคราบผิวเผินบนฟัน เช่น คราบจากอาหารหรือเครื่องดื่มบางชนิด แต่ไม่มีสารที่สามารถเจาะลึกไปฟอกสีฟันภายในได้

2. ยาสีฟันฟอกฟันขาว

บางผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (hydrogen peroxide) หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ ซึ่งสามารถทำให้ฟันขาวขึ้นได้เล็กน้อย หากใช้ต่อเนื่องในระยะเวลาหนึ่ง แต่ผลลัพธ์ยังน้อยกว่าการฟอกสีฟันที่ทำในคลินิก

3. ขึ้นอยู่กับการแปรงที่ถูกวิธี

การแปรงฟันที่ไม่ถูกวิธี (เช่น แปรงเบาเกินไปหรือไม่ครบทุกซอก) อาจไม่สามารถขจัดคราบฝังแน่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คำแนะนำในการป้องกันฟันเหลือง

หากคุณต้องการให้ฟันขาวสะอาดและลดโอกาสการเกิดคราบเหลือง ควรปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้:

  • แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
  • ใช้ไหมขัดฟันและน้ำยาบ้วนปาก
  • หลีกเลี่ยงชา กาแฟ น้ำอัดลม
  • งดสูบบุหรี่
  • เข้ารับการขูดหินปูนกับทันตแพทย์ทุก 6 เดือน
  • ลองใช้น้ำมันมะพร้าวกลั้วปากเป็นประจำ

สรุป

ฟันเหลืองแม้แปรงฟันเป็นประจำอาจถือเป็นเรื่องปกติได้ ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของฟัน พันธุกรรม และพฤติกรรมการใช้ชีวิต การแปรงฟันมีบทบาทสำคัญในการรักษาความสะอาด 

แต่ไม่สามารถทำให้ฟันขาวได้อย่างลึกซึ้งเสมอไป หากต้องการฟันขาวสว่าง ควรพิจารณาทางเลือกอื่น เช่น การฟอกฟัน การดูแลอาหาร หรือการพบผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมเพื่อแนวทางที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับคุณ

นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพฟันอย่างสม่ำเสมอ เพราะนอกจากช่วยดูแลความขาวของฟันแล้ว ยังสามารถป้องกันปัญหาช่องปากอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย รอยยิ้มที่มั่นใจเริ่มต้นจากการดูแลฟันอย่างเข้าใจและใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกวัน